สังคมโลกกำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่
e-Society เป็นการใช้ชีวิตและดำเนินกิจการต่าง ๆ ด้วยข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์
กลุ่มประเทศอาเชียน ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการรวมกลุ่ม เพื่อให้เป็นการดำเนินการแบบ
e-Asian ประเทศไทยตั้งกลยุทธ์รับด้วยการเตรียมประเทศเข้าสู่ e-Thailand
โดยเน้นให้มีกิจกรรมการดำเนินการทางด้านสังคมอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศ เพื่อเตรียมการให้สังคมไทยเข้าสู่
e-Society กิจกรรมที่ต้องดำเนินการคือ เร่งส่งเสริมให้ภาคเอกชนได้ดำเนินธุรกิจแบบ
e-Business และภาคราชการเร่งการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (one stop service)
ด้วย e-Government โดยมีกิจกรรมเสริมเพื่อความมั่นใจในการดำเนินการหลายเรื่อง
เช่น เร่งออกกฎหมายในเรื่อง e-Signature เพื่อรองรับการใช้ E-Cash ในอนาคต
บทบาทที่สำคัญของมหาวิทยาลัยจึงต้องปรับเปลี่ยนและดำเนินการ
ทั้งนี้เพื่อต้องการให้มีการเรียนรู้ได้มากและรวดเร็ว ต้นทุนต่ำ การผลิตบุคลากรต้องกระทำได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
กระแสการขาดแคลนกำลังคนทางเทคโนโลยีในประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้ทุกประเทศหันมาให้ความสนใจระบบการเรียนรู้แบบใหม่
เสริมกับระบบเดิมที่เรียกว่า e-Learning มีการใช้ไอทีเพื่อการศึกษากันอย่างกว้างขวางและมากมาย
เพื่อรองรับระบบการเรียนรู้ที่มีข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก การเรียนรู้ที่มีประสิทธิผลสูง
ลงทุนต่ำ และได้ผลในเชิงการกระจายเข้าสู่มวลชนได้มาก ระบบการดำเนินการในมหาวิทยาลัยจึงต้องปรับเปลี่ยนเข้าสู่การดำเนินการแบบ
e-University
e-University หมายถึง
มหาวิทยาลัยที่ใช้ไอทีเข้าช่วยการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย โดยเน้นการใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงให้เกิดกิจกรรมต่าง
ๆ แบบออนไลน์ ใช้ข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก และกระจายการใช้งานอย่างทั่วถึง
การก้าวเข้าสู่การเป็น e-University ประกอบด้วย
การใช้ไอทีเพื่อการเรียนการสอน
ไอที ซึ่งหมายถึงคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายสื่อสารเข้ามาช่วยการดำเนินการเรื่องการเรียนการสอนอย่างมาก
เข้ามามีส่วนเสริมทั้งการเรียนแบบปกติ (Synchronouse System) และระบบการเรียนการสอนแบบการเรียนรู้ด้วยผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
(Asynchronous System) ในระบบการเรียนการสอนแบบซิงโครนัส เน้นการจัดตารางสอน
การเรียนรู้ในห้องเรียน อาจารย์และนิสิตพบกันที่สถานที่หนึ่งตามกำหนดในตารางสอน
ไอทีเข้ามาเสริมโดยที่สภาพห้องเรียนทุกห้องมีระบบเชื่อมโยงกับเครือข่าย
และต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต ภายในห้องมีระบบการเรียกเข้าหาขุมความรู้ โดยสามารถฉายผ่านจอภาพให้นิสิตดูได้
การใช้บทเรียนมีวิธีการเรียนรู้แบบต่าง ๆ มาก ตั้งแต่การเรียนแบบ Web base
learning การเรียกใช้ Teaching Material การนำเสนอด้วยภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว
การสร้างแบบจำลองต่าง ๆ สำหรับการเรียนรู้แบบ อะซิงโครนัส นั้น เน้นผู้เรียนแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
เรียนที่ใดก็ได้ขอให้เข้าถึงเครือข่ายได้ ผู้เรียนเรียกเข้าได้จากทุกหนทุกแห่ง
แม้อยู่ที่บ้าน และเรียกเวลาใดก็ได้ มีระบบการเรียนการสอนผ่านเครือข่าย
มีโฮมเพจประจำวิชา ผู้เรียนสามารถทำแบบฝึกหัด ทำรายงานผ่านโฮมเพจของตน
ใช้ระบบ chat พูดคุยในวิชาการตามห้องคุยที่กำหนด มี Web board ให้โต้ตอบในวิชาการที่เรียน
ใช้ระบบอีเมล์ในการส่งคำถามคำตอบหรือสื่อสารต่าง ๆ
ไอทีกับการแสวงหาความรู้
ระบบห้องสมุดในสถาบันการศึกษากำลังเปลี่ยนแปลงไปมาก ห้องสมุดกำลังเข้าสู่
e-Library โดยเน้นรูปแบบ e-Service กล่าวคือ นิสิตสามารถเข้าไปเรียกค้นและเปิดดูหนังสือเอกสารต่าง
ๆ ผ่านทางเครือข่ายโดยตรง มีระบบการค้นหาที่ดี สามารถเรียกค้นได้ง่าย ปัจจุบันมีการให้บริการทั้งวารสาร
สิ่งตีพิมพ์ต่าง ๆ ในรูปอิเล็กทรอนิกส์ได้ ห้องสมุดในยุคต่อไปจะเป็นห้องสมุดแบบดิจิตอล
และมีข่าวสารต่าง ๆ ให้ใช้งานได้มาก การบริหารและการจัดการ e-University
การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ตั้งแต่วิธีการรับ
การคัดเลือก การสอบ การดำเนินการเหล่านี้สามารถใช้เครือข่าย เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารได้
การดำเนินการทางด้านทะเบียนนิสิต การจัดการทางด้านการเงิน ทรัพย์สิน การบริการต่าง
ๆ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้ระบบออนไลน์ เพื่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ให้ได้รวดเร็ว
รวมถึงการทำธุรกรรมร่วมกับหน่วยงานอื่น แบบ G to G, G to B หรือ G to C
การสร้างองค์ความรู้
(knowledge constructor) และงานวิจัย มหาวิทยาลัยในยุคใหม่จะต้องเป็นผู้สร้างองค์ความรู้และดำเนินกิจกรรมต่าง
ๆ ทางด้านวิชาการ เช่น งานการค้นคว้าวิจัย งานบัณฑิตศึกษาที่ต้องมีการดำเนินการเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์
งานเหล่านี้จำเป็นต้องมีเครื่องมือช่วยเพิ่มขีดความสามารถเชิงการคำนวณ
เชิงการเก็บรวบรวมข้อมูลจำนวนมากและรวดเร็ว การวิเคราะห์ข้อมูล การเผยแพร่และสร้างระบบการเชื่อมโยงกับนักวิจัยอื่นทั่วโลก
การเสริมกิจกรรมการเรียนรู้
ไอทีได้เข้ามามีบทบาทในการเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ได้มาก มีระบบมัลติมีเดียที่เรียกดูตามความต้องการ
(education on demand) มีระบบวิดีโอ ทีวีบนเว็บ มีระบบวิทยุบนเครือข่าย
มีโฮมเพจทางวิชาการต่าง ๆ มากมาย กิจกรรมการเรียนการสอน จะช่วยทำให้เสริมสร้างศักยภาพการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัย
การกระจายโอกาสทางการศึกษา
มหาวิทยาลัยในระบบ e-University สามารถกระจายพื้นที่การให้บริการได้มาก
เพราะสามารถใช้ระบบการเรียนการสอนทางไกล (tele education) การเรียนการสอนแบบ
e-Classroom โดยกระจายให้ผู้เรียนเรียนจากที่ห่างไกล และกระจายขอบเขตการศึกษาในทุกด้านที่มหาวิทยาลัยจะให้บริการได้
ตั้งแต่ระดับก่อนมหาวิทยาลัย ระดับวิชาชีพเฉพาะ และการศึกษาแบบต่อเนื่อง
โมเดลของ e-University
จึงอยู่ที่ประชาคมของมหาวิทยาลัยทุกคนจะเป็นผู้เข้าใช้ระบบ นิสิตนักศึกษาเป็นผู้เรียกเข้าหาเครือข่าย
สามารถเรียกใช้จากทุกหนทุกแห่ง แม้แต่การเรียกเข้าผ่าน ปาล์มท้อป โทรศัพท์มือถือ
คอมพิวเตอร์มือถือ แลปท้อป โน้ตบุค คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล การเข้าถึงเครือข่ายทำได้ทุกหนทุกแห่ง
มีตั้งแต่ระบบไร้สาย (wireless) ระบบเรียกผ่านโมเด็มและใช้สายโทรศัพท์ที่บ้าน
ใช้ระบบเคเบิ้ลโมเด็ม ระบบแลน แวน หรือวิธีการเชื่อมต่ออื่น ๆ การดำเนินกิจกรรมทางด้านการเรียนการสอนจะผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ใช้
e-Book e-Library ใช้โฮมเพจเป็นตัวแทน นิสิตทุกคนมีโฮมเพจของตนเองอยู่บนเครือข่ายของมหาวิทยาลัย
อาจารย์ผู้สอนมีโฮมเพจและสร้างบทเรียนไว้บนเครือข่าย นิสิตส่งการบ้านผ่านเครือข่ายโดยสร้างเป็นโฮมเพจไว้
การจัดส่งการบ้านและการสื่อสารหลายอย่างใช้อิเล็กทรอนิกส์แทนกระดาษ
มหาวิทยาลัยตามโมเดล
e-University เป็นโมเดลที่กำลังได้รับความสนใจ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในต่างประเทศหลายแห่งกำลังดำเนินการอย่างจริงจัง
ความสำเร็จของ
e-University ขึ้นอยู่กับประชาคมของมหาวิทยาลัยเป็นสำคัญ เทคโนโลยีไอทีเตรียมพร้อมรออยู่แล้ว
|